Retinyl palmitate คือ หนึ่งในอนุพันธ์ของวิตามินเอ สารในกลุ่ม Retinoids ซึ่งเป็นคำที่มีความหมายครอบคลุมวิตามินเอ และอนุพันธ์วิตามินเอทั้งหมด สารในกลุ่ม Retinoids แบ่งเป็น 4 ประเภท
- retinoic acid (กรดวิตามินเอ)
- retinaldehyde
- retinol (วิตามินเอ)
- retinyl ester (retinyl palmitate)
โดย retinaldehyde, retinol และ retinyl ester จะถูกนำมาเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์สกินแคร์ และได้มีการศึกษาอย่างกว้างขวางถึงประสิทธิภาพของ Retinoids ในการแก้ไขปัญหาผิวพรรณต่างๆโดยเฉพาะในด้านการลดเลือนริ้วรอยและดูแลแก้ไขผิวเป็นสิว
คุณประโยชน์ Retinoids
- ช่วยส่งเสริมกระบวนการสร้างผิวใหม่ ฟื้นบำรุงและปรับสภาพผิว ช่วยลดเลือนริ้วรอยต่างๆ ทำให้ริ้วรอยร่องลึกแลดูตื้นขึ้น สีผิวแลดูสม่ำเสมอ และกระจ่างใส
- ช่วยส่งเสริมกระบวนการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวหน้าแลดูกระชับ และอ่อนเยาว์
- ช่วยขจัดสิ่งอุดตันบริเวณรูขุมขน ลดการเกิดคอมีโดนและลดสาเหตุของการเกิดสิว ช่วยให้ผิวหน้าแลดูเรียบเนียน และรูขุมขนดูเล็กลง
ก่อนที่ Retinoids จะสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ จะต้องอาศัยกระบวนการเพื่อเปลี่ยนให้อยู่ในรูป retinoic acid (กรดวิตามินเอ) ซึ่งเป็น active form ที่ผิวนำไปใช้ประโยชน์ ซึ่งสารในกลุ่ม Retinoids จะมีลำดับในการเปลี่ยน รูปดังนี้
Retinyl ester เปลี่ยนเป็น Retinol เปลี่ยนเป็น Retinaldehyde เปลี่ยนเป็น Retinoic acid
โดยสรุป หากอนุพันธ์วิตามินเออยู่ในรูปที่มีลำดับกระบวนการเปลี่ยนรูปน้อยที่สุดจะมีประสิทธิภาพมากที่สุด แต่ทำให้ผิวมีโอกาสแห้ง และเกิดการระคายเคืองมากที่สุด (retinaldehyde จะมีประสิทธิภาพมากที่สุด และ retinyl ester (retinyl palmitate) จะมีประสิทธิภาพน้อยที่สุด)
อย่างไรก็ตาม retinyl palmitate จะมีประสิทธิภาพน้อยที่สุดในกลุ่ม อาจจะถือว่าเป็นข้อดี เพราะแท้จริงแล้ว อนุพันธ์วิตามินเอทุกตัวต่างก็มีคุณสมบัติที่เหมือนกัน เพียงแต่ retinyl ester (retinyl palmitate) อาจมีระยะเวลาในการใช้ที่นานกว่าจึงจะเห็นผล ดังนั้น สามารถใช้เป็นประจำต่อเนื่องทุกวัน แตกต่างจากรูปแบบอื่นที่ต้องเว้นระยะห่างในการใช้ ดังนั้นจึงเหมาะกับคนผิวแพ้ง่ายหรือผู้ที่ต้องการเริ่มต้นใช้ Retinoids
การใช้ retinyl palmitate ร่วมกับสารแอนติออกซิแดนท์อื่นๆ เช่น vitamin E, C หรือ ferulic acid จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพมากขึ้น อย่างไรก็ตาม มีข้อควรระวังในการใช้ เนื่องจาก Retinoids ทำให้เกิดการผลัดเซลล์ผิว ดังนั้น จึงควรหลีกเลี่ยงการใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์ที่มีสารผลัดเซลล์ผิวเป็นส่วนประกอบ เช่น AHA หรือ BHA รวมถึงสกินแคร์ที่ใช้ขัดผิว และโทนเนอร์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์
เนื่องจากการใช้ retinyl palmitate ทำให้ผิวแห้ง จึงแนะนำให้ใช้ครีมที่มีส่วนผสมที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ทาบำรุงหลังจากใช้ retinyl palmitate เพื่อหลีกเลี่ยงอาการไม่พึงประสงค์ที่อาจเกิดขึ้น เช่น ผิวเแห้ง การระคายเคือง โดยเฉพาะในคนผิวแพ้ง่าย และแนะนำให้ใช้เฉพาะก่อนนอน เก็บให้พ้นจากแสงแดด ความร้อน เนื่องจากมีผลทำให้อนุพันธ์วิตามินเอเสื่อมสภาพ